1. สร้างอะเรย์ชื่อ E ที่มีสมาชิกทุกตัวเป็น 1 จำนวนสมาชิกเป็น 100 ตัว แสดงผลออกทางหน้าจอ
import java.util.Arrays;
public class Arrays1 {
public static void main(String[] args){
int[] E = new int[100];
Arrays.fill(E,1);
for(int i=0; i<E.length; i++){
System.out.println("Arrays E"+i+" =" +E[i]);
}
}
}
2. จากอะเรย์ E ในข้อ 1 เปลี่ยนค่าที่ตำแหน่งที่ 5 และ 8 ให้เป็น 40 และ 30 แล้วแสดงผลออกทาง
หน้าจอ
import java.util.Arrays;
public class Arrays2 {
public static void main(String[]args){
int[] E = new int[100];
Arrays.fill(E,1);
for(int i=0; i<E.length; i++){
E[5] = 40;
E[8] = 30;
System.out.println("Arrays E"+i+" =" +E[i]);
}
}
}
public class Arrays3 {
public static void main(String[]args){
int[] A = new int[5];
A[0] = 2;
A[1] = 5;
A[2] = 7;
A[3] = 1;
A[4] = 3;
for(int i=0; i<A.length; i++){
System.out.println("Arrays A"+i+" =" +A[i]);
}
}
}
4. เขียนโปรแกรมเพื่อเปลี่ยนค่าสมาชิกทุกตัวใน A ให้มีค่าเพิ่มขึ้น 5 แล้วแสดงผลออกทางหน้าจอ
public class Arrays4 {
public static void main(String[]args){
int[] A = {2,5,7,1,3};
for(int i=0; i<A.length; i++){
A[i] += 5;
System.out.println("Arrays A"+i+" =" +A[i]);
}
}
}
public class Arrays5 {
public static void main(String[]args){
int[] A = {2,5,7,1,3};
for(int i=0; i<A.length; i++){
A[i] *= 2;
System.out.println("Arrays A"+i+" =" +A[i]);
}
}
}
6. สร้างอะเรย์ B ที่มีสมาชิก 5 ตัวคือ -1, 0, 1, 2, 3 น าเอาสมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันของอะเรย์ A และ B มาคูณกัน แล้วแสดงผลคูณออกทางหน้าจอ
public class Arrays6 {
public static void main(String[]args){
int[] A = {2,5,7,1,3};
int[] B = {-1,0,1,2,3};
int[] C = new int[5];
for(int i=0; i<C.length; i++){
C[i] = A[i]*B[i];
System.out.println("Arrays C"+i+" =" +C[i]);
}
}
}
7. ให้สมาชิกในอะเรย์ B เป็นตัวตั้ง แล้วเอาสมาชิกตำแหน่งเดียวกันในอะเรย์ A มาหาร แสดงผลหารออกทางหน้าจอ
public class Arrays7 {
public static void main(String[] args){
double[] A = {2,5,7,1,3};
double[] B = {-1,0,1,2,3};
double[] C = new double[5];
for(int i=0; i<C.length; i++){
C[i]=B[i]/A[i];
System.out.println("Arrays C"+i+" =" +C[i]);
}
}
}
8. ก าหนดให้อะเรย์ C มีสมาชิก 4 ตัว คือ true true false false และอะเรย์ D มีสมาชิก 4 ตัวคือ true false true false แสดงค่าสมาชิกของ C และ D ออกทางหน้าจอ
public class Arrays8 {
public static void main(String[] args){
boolean[] C = {true,true,false,false};
boolean[] D = {true,false,true,false};
int[] E = new int[4];
for(int i=0; i<E.length; i++){
System.out.println("Arrays C"+i+" =" +C[i]);
System.out.println("Arrays D"+i+" =" +D[i]);
}
}
}
9. นำเอาสมาชิกในแต่ละต าแหน่งของ C และ D มากระทำกันโดยใช้ตัวดำเนินการ & (และ) แล้วแสดงผลที่ได้ออกทางหน้าจอ
public class Arrays9 {
public static void main(String[] args){
boolean[] C = {true,true,false,false};
boolean[] D = {true,false,true,false};
boolean[] E = new boolean[4];
for(int i=0; i<E.length; i++){
E[i] = C[i]&D[i];
System.out.println("Arrays E"+i+" =" +E[i]);
}
}
}
10. ให้ F มีสมาชิก 12 ตัวคือ 2, 5, 7, 3, 8, 0, 9, 42, 1, 3, 4, 2 แล้วเขียนโปรแกรมเพื่อหาสมาชิกใน F ที่มีค่ามากกว่า 5 แล้วแสดงค่าสมาชิกเหล่านั้นออกทางหน้าจอ
public class Arrays10 {
public static void main(String[] args){
int[] F = {2,5,7,3,8,0,9,42,1,3,4,2};
for(int i=0; i<F.length; i++){
if(F[i]>5)
System.out.println("Arrays F"+i+" =" +F[i] );
}
}
}
+++โปรแกรมตรวจหวย+++
import java.util.Arrays;
import javax.swing.JOptionPane;
import javax.swing.text.AbstractDocument.BranchElement;
public class check_Lottery {
public static void main(String[] args) {
long[] loterry = { 262, 724, 194, 294, 345, 756, 124, 984, 870, 537 };
String doy = null;
doy = JOptionPane.showInputDialog("Input number of loterry");
long a = Integer.parseInt(doy);
JOptionPane.showMessageDialog(null, "Number is.." + doy);
for (int i = 0; i<= loterry.length; i++) {
if (a == loterry[i]) {
JOptionPane.showMessageDialog(null, "Yeah !! YourLucky !! ");
}}}}
+++โปรแกรมคำนวณส่วนลด 20%+++
import java.util.*;
public class Discount {
public static void main(String[] args) {
Scanner sc = new Scanner(System.in);
double m,d;
System.out.println("**สินค้าลดราคา 20%**");
for(int i=1;i<5;i--){
System.out.print("ราคาสินค้า :");
m = sc.nextDouble();
if (m >= 100) {
d = m * 0.2; // ใส่ค่าเปอร์เซนต์ x/100
System.out.println("ส่วนลด" + (d));
System.out.println("เงินที่ต้องจ่าย:" + (m - d));
} else {
System.out.println("ไม่มีส่วนลด");
}
System.out.println("*****ราคาถัดไป*****");
}}}
+++โปรแกรมคำนวณปี ค.ศ. เป็น พ.ศ.+++
import java.io.*; //.ใช้ io เพื่อรับค่าและแสดงผล
class Title01 //ชื่อคลาสTitle01
{
public static void main( String [] args)throws IOException //แบบตายตัวของโปรแกรมรับค่าและแสดงผล
{
BufferedReader stdin = new BufferedReader (new InputStreamReader(System.in)); //แบบตายตัวของโปรแกรมรับค่าและแสดงผล
int m=1; //กำหนดตัวแปร m ชนิดตัวเลข มีค่าเท่ากับ1
int c=0;//กำหนดตัวแปร c ชนิดตัวเลข มีค่าเท่ากับ0
int a; //กำหนดตัวแปร a ชนิดตัวเลข
String i; //กำหนดตัวแปร i ชนิดตัวอักษร
String b; //กำหนดตัวแปร b ชนิดตัวอักษร
do //เริ่มการวนซ้ำ
{
System.out.println(" "); //แสดง " "
System.out.print ("Input Buddhist years : " ); //แสดง"Input Buddhist years : "
i=stdin.readLine(); //กำหนดตัวแปร i มีค่าเท่ากับค่าที่รับมา
c = Integer.parseInt(i); //ให้ค่า i ที่รับมาเป็นชนิดตัวอักษรเท่ากับค่าcชนิดตัวเลข
m = c - 543; //กำหนดให้ mเท่ากับ c บวก 543
System.out.print ("Christian Year: " + m ); //แสดงค่า"Christian Year: " บวกด้วนค่า m
System.out.println(" "); //แสดง " "
System.out.print ( " Continue please press 1.If quit program please press 0 : " );//แสดง"Continue please press 1.If quit program please press 0 : "
b=stdin.readLine(); //กำหนดตัวแปร b มีค่าเท่ากับค่าที่รับมา
a=Integer.parseInt(b); //ให้ค่า b ที่รับมาเป็นชนิดตัวอักษรเท่ากับค่าaชนิดตัวเลข
}
while ( a == 1); //จบการวนซ้ำ (กำหนดให้aมีค่าเท่ากันกับ 1)
}
}
+++โปรแกรมคำนวณหาจำนวณเฉพาะ+++
public class Title2 //ชื่อคลาส Title2
{
public static void main(String[] args)//แบบตายตัวของโปรแกรมรับค่าและแสดงผล
{
int a1; //ประกาศตัวแปร a1 ชนิดตัวเลข
int i,j; //ประกาศตัวแปร i,j ชนิดตัวเลข
for(i=2;i<=100;i++) //คำสั่งวนรอบ กำหนดให้ iเท่ากับ2 ;ให้iน้อยกว่าหรือเท่ากับ100;ให้iบวกเพิ่มทีละ1
{
a1 =0; //ตัวแปร a1 มีค่าเท่ากับ0
for(j=1;j<i;j++) //คำสั่งวนรอบ กำหนดให้ jเท่ากับ1 ;ให้jน้อยกว่าi;ให้jบวกเพิ่มทีละ1
{
if(i%j==0) //คำสั่งif( กำหนดให้ iหารj มีค่าเท่ากับ0)
{
a1++; //ให้a1บวกเพิ่มทีละ1
}
}
if(a1==1) //คำสั่งif( กำหนดให้ a1 มีค่าเท่ากับ1)
{
System.out.print(i+" "); //แสดงค่า (iบวก" ")
}
}
}
}
+++โปรแกรมรับค่า แล้วหาค่าสูงสุด ต่ำสุด+++
import java.io.*; //ใช้คลาส io เพื่อรับค่าและแสดงผล
class Title03 //ชื่อคลาสTitle03
{
public static void main( String [] args)throws IOException //แบบตายตัวของโปรแกรมรับค่าและแสดงผล
{
int max=0;//กำหนดให้maxรับค่าข้อมูลชนิดตัวเลขเท่ากับ0
int min=0;//กำหนดให้minรับค่าข้อมูลชนิดตัวเลขเท่ากับ0
int num; //กำหนดให้numรับค่าข้อมูลชนิดตัวเลข
int in; //กำหนดให้inรับค่าข้อมูลชนิดตัวเลข
String m; //กำหนดตัวแปร i ชนิดตัวอักษร
String l; //กำหนดตัวแปร i ชนิดตัวอักษร
BufferedReader stdin = new BufferedReader (new InputStreamReader(System.in)); //แบบตายตัวของโปรแกรมรับค่าและแสดงผล
System.out.println(" "); //แสดง "เป็นช่องว่าง"
System.out.print("Please input a number of integers: "); //แสดง "Please input a number of integers: "
m=stdin.readLine(); //กำหนดตัวแปร m มีค่าเท่ากับค่าที่รับมา
num = Integer.parseInt(m); //ให้ค่า m ที่รับมาเป็นชนิดตัวอักษรเท่ากับค่าnumชนิดตัวเลข
for(int i=1; i<=num; i++) //คำสั่งวนรอบ กำหนดให้ i เท่ากับ 1 , i น้อยกว่าหรือเท่ากับallnum; i บวกเพิ่มทีละ1
{
System.out.print("Integer "+i+":");//แสดงค่าInteger ตามด้วยค่า i
l=stdin.readLine(); //กำหนดตัวแปร l มีค่าเท่ากับค่าที่รับมา
in= Integer.parseInt(l); //ให้ค่า l ที่รับมาเป็นชนิดตัวอักษรเท่ากับค่าinชนิดตัวเลข
if(i==1) //กำหนดให้ i เท่ากันกับ 1
{
min = in; //กำหนดให้ min เท่ากันกับ in
max=in; //กำหนดให้ max เท่ากันกับ in
}
if(in > max) //กำหนดให้ in มากกว่า
{
max = in; //กำหนดให้ max เท่ากันกับ in
}
else
min = in; //กำหนดให้ min เท่ากันกับ in
}
System.out.println("Max Integer: "+max); //แสดงผล"Max Integer: "+max
System.out.println("Min Integer: "+min); //แสดงผล"Min Integer: "+min
}
}
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น